8 รูปแบบ Price Pattern ที่พบบ่อยในการเทรด
Price Pattern
8 รูปแบบ Price Pattern ที่พบบ่อยในการเทรด
ในการที่จะตัดสินใจในทำการส่งคำสั่งซื้อขาย เทรดเดอร์โดยส่วนมากจะใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการเทรด ซึ่งเทคนิครูปแบบ Price Pattern ก็ถือเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเทรดเดอร์มักจะใช้ในการหาจุดไปต่อของราคา และ จุดกลับตัวของราคา ในบทความนี้ ทาง Startrader จะช่วยให้ทุกท่านได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ Price Pattern กันมากขึ้น
Price Pattern คือ รูปแบบพฤติกรรมของราคาที่ใช้ระบุการไปต่อในทิศทางเดิมของราคา (Continuation Patterns) หรือ การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม และ ทิศทางราคา (Reversal Patterns) ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้รูปแบบพฤติกรรมเหล่านี้ เกิดจากการศึกษารูปแบบของกราฟในอดีต ที่คนในอดีตมีการสังเกตุว่า เมื่อเกิดรูปแบบเหล่านี้ มักจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของราคา
แล้วจึงสรุปมาเป็น Price Pattern ต่างๆ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยในบทความนี้จะพูดถึงเฉพาะรูปแบบ Patterns ต่างๆที่สำคัญ และ ได้รับความนิยม เท่านั้น
Price Pattern ถือเป็นการศึกษาแรงซื้อกับแรงขายของราคา โดยหากแรงซื้อมากกว่าแรงขาย ราคาก็มีแนวโน้มขึ้น (Uptrend) หรือ หากแรงขายมากกว่าแรงซื้อ ราคาก็มีแนวโน้มลง (Downtrend) แต่หากแรงซื้อกับแรงขายเท่าๆกัน ราคาก็มีแนวโน้มเคลื่อนที่ออกข้าง (Sideway) อย่างไรก็ตาม การดูเรื่อง Price Pattern จะอยู่ที่ประสบการณ์ของแต่ละบุคคลประกอบด้วย กล่าวคือ คน 2 คนมองกราฟเดียวกัน คนแรกอาจเห็นไปรูปแบบ Price Pattern แบบหนึ่ง ในขณะที่อีกคนหนึ่งอาจไม่เห็นเป็นรูปแบบ Price Pattern แบบคนแรกก็ได้ ขึ้นอยู่กับความรู้ และ ประสบการณ์ของแต่ละคน
ประเภทของ Price Pattern
Continuation Pattern
คือ รูปแบบพฤติกรรมของราคาที่ใช้ดูการชะลอตัวของแรง โดยหากเกิด Pattern เหล่านี้แล้ว ราคามีโอกาสที่จะยังไม่กลับตัวเป็นอีกแนวโน้มหนึ่ง แต่มีโอกาสที่ราคาจะเคลื่อนที่ไปตามทิศทางเดิมต่อ นั่นหมายถึงว่า หากกราฟมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Uptrend) แล้วต่อมา เกิดรูปแบบของกราฟที่เป็น Continuation Pattern ขึ้น ราคาก็มีโอกาสที่จะขึ้นเป็นขาขึ้นต่อไป ในทางกลับกัน หากกราฟมีแนวโน้มเป็นขาลง (Downtrend) แล้วต่อมา เกิดรูปแบบของกราฟที่เป็น Continuation Pattern ขึ้น ราคาก็มีโอกาสที่จะเป็นขาลงต่อไปนั่นเอง ทั้งนี้ยิ่งเกิดการสร้างรูปแบบ Price Action เหล่านี้เป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ การระเบิดก็จะยิ่งรุนแรงมากขขึ้นเท่านั้น
Triangle Pattern (รูปแบบสามเหลี่ยม)
เป็นรูปแบบการพักตัวของราคาที่มีรูปแบบเป็นสามเหลี่ยมตามรูปแบบที่อยู่ด้านล่าง โดยเราจะรอให้ราคา Breakout จากกรอบสามเหลี่ยม แล้วจึงเข้าออเดอร์ตามแนวโน้มเดิม
Rectangle Pattern (รูปแบบสี่เหลี่ยม)
เป็นรูปแบบการชะลอตัวของราคาที่เป็นสี่เหลี่ยม โดยหากราคามีการ Breakout จากแนวโน้มเดิม ก็จะทำการเข้าออเดอร์ตามแนวโน้มเดิม
Flag and Pennant Patterns
คือ การฟอร์มตัวของราคาในลักษณะรูปธงปลายแหลม วิธีการเข้าออเดอร์ก็คือการรอ Breakout เช่นกัน โดยเราอาจดูปริมาณการซื้อขาย (Volume) ประกอบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Reversal Pattern
เป็นรูปแบบพฤติกรรมของราคาที่ใช้ดูการกลับตัวของแนวโน้มของราคา โดยหากเกิดรูปแบบ Reversal Pattern เหล่านี้แล้ว ราคาก็มักจะมีการกลับตัวเป็นอีกแนวโน้มหนึ่ง นั่นหมายความว่า หากกราฟมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Uptrend) แล้วต่อมา เกิดรูปแบบของกราฟที่เป็น Reversal Pattern ขึ้น ราคาก็มีโอกาสที่จะกลับตัวเป็นขาลง (Downtrend) ในทางกลับกัน หากกราฟมีแนวโน้มเป็นขาลง (Downtrend) แล้วต่อมา เกิดรูปแบบของกราฟที่เป็น Reversal Pattern ขึ้น ราคาก็มีโอกาสที่จะกลับตัวเป็นขาขึ้น (Uptrend) นั่นเอง
Double Top
เป็นรูปแบบการฟอร์มตัวของราคาเป็นรูปตัว M ซึ่งมียอด 2 ยอด โดยจุดยอดทั้ง 2 ยอดถือเป็นจุด Peak ของราคา ที่เมื่อราคาขึ้นไปแตะแล้วราคามีการวกกลับตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ วิธีการเข้าออเดอร์ให้รอราคา breakout กรอบของราคาลงมา แล้ว Follow Sell ตาม
Double Bottoms
เป็นรูปแบบการฟอร์มตัวของราคาเป็นรูปตัว W ซึ่งมียอดด้านล่าง 2 ยอด โดยจุดยอดทั้ง 2 ยอด ถือเป็นจุด Bottom ของราคา ที่เมื่อราคาลงมาแตะแล้ว ราคามีการวกกลับตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ วิธีการเข้าออเดอร์ให้รอราคา breakout กรอบของราคาขึ้นมา แล้ว Follow Buy ตาม
Head and Shoulders
เป็นรูปแบบการฟอร์มตัวของราคาที่มีจุดสำคัญ 3 จุด ได้แก่จุด Top Peak หรือ Top Bottom เรียกว่า Head อยู้ตรงกลาง และมี Shoulder 2 ฝั่ง ตามรูปด้านล่าง
Wedges
เป็นรูปแบบการกลับตัวอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะของ Sideway Down หรือ Sideway Up โดยสามารถใช้ประกอบกับ Indicator ที่บอก Momentum ประกอบด้วย เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพที่มากยิ่งขึ้นได้
สรุป
Price Pattern เป็นรูปแบบของราคาที่ใช้ในการดูว่าราคาจะเคลื่อนไปต่อจากแนวโน้มเดิม หรือ ราคาจะเคลื่อนที่กลับตัวจากแนวโน้มเดิมหรือไม่ ซึ่งรูปแบบ Pattern ต่างๆเหล่านี้ เกิดจากการสังเกตุจากพฤติกรรมราคาของสินค้าในอดีต ซึ่งมีด้วยกันหลายรูปแบบ โดยจริงๆแล้วมีหลายรูปแบบกว่าที่กล่าวไปด้านบนด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ต้องทราบว่า แม้เราจะเข้าออกออเดอร์ตามรูปแบบเหล่านี้ ก็ไม่ได้เป็นการการันตรีว่าเราจะได้กำไรทุกครั้งในการเทรด เพราะฉะนั้นเราจึงต้องตั้ง Stop Loss ทุกครั้งในการเทรด อีกทั้งต้องมีระบบ Money Management ที่เหมาะสมด้วย เพื่อให้สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืนได้
*การซื้อขายและลงทุนใน Forex และ CFD มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้สูญเสียมากกว่าเงินทุนทั้งหมด