3 รูปแบบกราฟ Forex ที่เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ใช้ในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวราคาสกุลเงินมี 3 รูปแบบใหญ่ ๆ การทำความเข้าใจถึงกราฟเหล่านี้มีความสำคัญสำหรับผู้ซื้อขาย Forex เนื่องจากช่วยในการวิเคราะห์ทางเทคนิค การตัดสินใจ การบริหารความเสี่ยง รูปแบบกราฟ Forex ซึ่งจะช่วยให้ผู้ซื้อขายเข้าใจและใช้รูปแบบกราฟเหล่านี้ในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กราฟเส้นเป็นรูปแบบง่ายที่สุดของกราฟ Forex คือการเชื่อมต่อราคาปิดของคู่เงินในระยะเวลาที่ระบุด้วยเส้นตรง กราฟเส้นให้ภาพรวมพื้นฐานของแนวโน้มราคา แต่ไม่แสดงราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด หรือราคาเปิดในระยะเวลาที่เลือก
กราฟเส้นมีลักษณะการแสดงข้อมูลดังนี้:
1.กราฟเส้นแสดงข้อมูลราคาที่สำคัญของคู่สกุลเงินหรือสินค้า โดยบันทึกราคาปิด (closing price) ของระยะเวลาที่กำหนด บางกราฟเส้นอาจใช้ราคาเปิด (opening price) หรือราคาปรับแต่ง (adjusted price) ตามความต้องการ
2.ข้อมูลราคาจะถูกเชื่อมเส้นต่อกันโดยใช้เส้นตรง ซึ่งเชื่อมราคาปิดของแต่ละระยะเวลาในลำดับเวลาที่เกิดขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นแนวโน้มของราคาได้อย่างชัดเจน
3.กราฟเส้นมักมีแกน X (แกนนอน) ที่แสดงข้อมูลเวลาหรือระยะเวลาที่ถูกสังเกต แกน Y (แกนตั้ง) แสดงข้อมูลราคา
4.กราฟเส้นมีลักษณะการแสดงข้อมูลที่เรียบง่าย ทำให้เหมาะสำหรับการระบุแนวโน้มในระยะเวลายาว ๆ และการวิเคราะห์ข้อมูลของตลาดในระยะเวลาย่อย ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
5.กราฟเส้นมักถูกใช้งานในการตรวจสอบแนวโน้มราคาระยะยาว แต่ก็อาจไม่ให้ข้อมูลราคาสูงสุดและต่ำสุดในแต่ละระยะเวลา ทำให้มีข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์เบื้องต้น
กราฟเส้นมักถูกใช้ร่วมกับการวิเคราะห์เทคนิคและตัวชี้วัดเพื่อคาการณ์แนวโน้มของตลาดและการตัดสินใจในการเทรดในระยะเวลาต่าง ๆ กราฟเส้นมีความเรียบง่ายและเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการติดตามราคาและการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด
กราฟแท่งหรือ OHLC (Open, High, Low, Close) charts ให้ข้อมูลมากกว่ากราฟเส้น แต่ละแท่งบนกราฟแท่งแสดงระยะเวลาที่ระบุ เช่น หนึ่งชั่วโมง หนึ่งวัน หรือหนึ่งสัปดาห์ บนแท่งกราฟแต่ละแท่งจะแสดงราคาสูงสุดและต่ำสุดในระหว่างระยะเวลานั้น ในขณะที่เส้นแนวนอนด้านซ้ายและด้านขวาแทนราคาเปิดและราคาปิดตามลำดับ กราฟแท่งช่วยในการเข้าใจการเคลื่อนไหวราคามากขึ้นและนิยามของนักซื้อขาย
มีคำอธิบายของแต่ละส่วนดังนี้
แท่งบาร์ (Bar): แท่งบาร์เป็นส่วนหลักของกราฟแท่งและแสดงข้อมูลราคา แต่ละแท่งบาร์มีเส้นแนวตั้งสองข้างที่แสดงราคาเปิดและราคาปิด และเส้นนอนที่ยาวที่สุดทางบนและทางล่างแสดงราคาสูงสุดและต่ำสุดในระยะเวลานั้น
เส้นแนวตั้งทางซ้าย (Left Vertical Line): เส้นแนวตั้งทางซ้ายในแท่งบาร์แสดงราคาเปิด (opening price) ในระยะเวลานั้น
เส้นแนวตั้งทางขวา (Right Vertical Line): เส้นแนวตั้งทางขวาในแท่งบาร์แสดงราคาปิด (closing price) ในระยะเวลานั้น
เส้นนอนทางบน (Upper Horizontal Line): เส้นนอนทางบนที่ยาวที่สุดในแท่งบาร์แสดงราคาสูงสุด (high price) ในระยะเวลานั้น
เส้นนอนทางล่าง (Lower Horizontal Line): เส้นนอนทางล่างที่ยาวที่สุดในแท่งบาร์แสดงราคาต่ำสุด (low price) ในระยะเวลานั้น
แท่งบาร์ในกราฟแท่งมักจะมีสีต่างกันในการแสดงราคาเปิดและปิด โดยมักใช้สีเขียวหรือสีฟ้าเพื่อแสดงราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด และใช้สีแดงเพื่อแสดงราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งบาร์แบบนี้ช่วยในการระบุความเคลื่อนไหวของราคาและแนวโน้มของตลาดได้อย่างชัดเจน
เป็นรูปแบบของกราฟที่ใช้ในการแสดงข้อมูลราคาของสินค้าหรือคู่สกุลเงินในตลาดการเงิน ด้วยการใช้แท่งเทียน (candlestick) สำหรับแต่ละช่วงเวลา เพื่อแสดงข้อมูลราคาเปิด (opening price), ราคาปิด (closing price), ราคาสูงสุด (high price), และราคาต่ำสุด (low price) ในระยะเวลานั้น กราฟแท่งเทียนมีลักษณะเป็นแท่งบรรทัดและมี “หาง” ที่ยาวทั้งด้านบนและด้านล่างของแท่ง ดังนี้คือคำอธิบายของแต่ละส่วน:
1.ส่วนบน (Upper Wick): ส่วนบนของแท่งเทียนแสดงราคาสูงสุด (high price) ในระยะเวลานั้น หากแท่งเทียนมีส่วนบนยาวแสดงว่าราคาสูงสุดเป็นส่วนใหญ่ของการซื้อขายในระยะเวลานั้น
2.ส่วนล่าง (Lower Wick): ส่วนล่างของแท่งเทียนแสดงราคาต่ำสุด (low price) ในระยะเวลานั้น หากแท่งเทียนมีส่วนล่างยาวแสดงว่าราคาต่ำสุดเป็นส่วนใหญ่ของการซื้อขายในระยะเวลานั้น
3.แท่งเทียนส่วนบน (Upper Candlestick): ส่วนบนของแท่งเทียนแสดงราคาปิด (closing price) และส่วนล่างแสดงราคาเปิด (opening price) ในระยะเวลานั้น ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด, แท่งเทียนจะเป็นสีเขียวหรือสีฟ้า
4.แท่งเทียนส่วนล่าง (Lower Candlestick): ส่วนล่างของแท่งเทียนแสดงราคาเปิด (opening price) และส่วนบนแสดงราคาปิด (closing price) ในระยะเวลานั้น ถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด, แท่งเทียนจะเป็นสีแดง
การใช้กราฟแท่งเทียนช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและการตัดสินใจในการเทรด นักเทรดสามารถใช้ข้อมูลจากแท่งเทียนในการตัดสินใจเมื่อเข้าทำการเทรดหรือออกจากตลาด และยังช่วยในการระบุระดับSupport และ Resistance ทำให้สามารถกำหนดราคาเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
1.ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถระบุว่าตลาดกำลังขยับขึ้น หรือขยับลง ซึ่งช่วยในการตัดสินใจในการเทรดในทิศทางที่เหมาะสม
2.ช่วยให้เห็นถึงความผันผวนในราคา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนการจัดการความเสี่ยง ความผันผวนสูงส่งผลให้คุณต้องระมัดระวังมากขึ้น และสามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวหรือหยุดตลาดได้
3.จับความเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์ราคาและการตัดสินใจการเทรด
4.รูปแบบกราฟ Forex ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นราคาสูงสุดและต่ำสุดในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งสามารถช่วยในการตัดสินใจการซื้อขายและการวางแผนการหยุดขาดทุนและการกำหนดราคาเป้าหมายที่เหมาะสมได้
5.ช่วยให้วางแผนการจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสม
6.ช่วยในการหาจุด Support level และจุด Resistance ที่สำคัญ ซึ่งสามารถช่วยในการวิเคราะห์จุดเข้าและออกจากตลาดได้ง่ายขึ้น
สรุป การเข้าใจรูปแบบกราฟ Forex พื้นฐานช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการตัดสินใจที่มีข้อมูลพื้นฐานและมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยของเทรดเดอร์ในการประสบความสำเร็จในการซื้อขาย Forex และตลาดการเงินอื่น ๆ
*การซื้อขายและลงทุนใน Forex และ CFD มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้สูญเสียมากกว่าเงินทุนทั้งหมด
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ตามวันหยุดประจำเดือนธันวาคม โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง: วันที่ 24 ธันวาคม 2024 (วันอังคาร) 25 ธันวาคม 2024 (วันพุธ) 26 ธันวาคม 2024…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ตามวันหยุดประจำเดือนธันวาคม โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง วันที่ 16 ธันวาคม 2024 (วันจันทร์) 23 ธันวาคม 2024 (วันจันทร์) วันหยุด วันแห่งการปรองดอง คริสต์มาสอีฟ…
Dear Valued Clients, The global gold market has experienced significant volatility recently, with market liquidity…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ ขอเรียนให้ทราบว่าผลิตภัณฑ์ซื้อขาย CFD ต่อไปนี้จะโรลโอเวอร์อัตโนมัติตามวันที่ระบุไว้ในตารางด้านล่างนี้ เนื่องจากอาจมีความแตกต่างของราคาระหว่างสัญญาเก่าและใหม่ จึงขอแนะนำให้ลูกค้าตรวจสอบและจัดการโพสิชันของคุณตามความเหมาะสม วันหมดอายุ: สัญลักษณ์ คำอธิบาย วันที่ JPN225ft Japan 225 Index Future…
ในการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ นักลงทุนควรใช้ตัวชี้วัดการเทรดที่มีประสิทธิภาพเพื่อประเมินผลการลงทุนของตนเอง ตัวชี้วัดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการตัดสินใจในการซื้อขาย แต่ยังช่วยให้คุณวัดประสิทธิภาพและปรับปรุงกลยุทธ์การลงทุนของคุณได้อย่างต่อเนื่อง นี่คือตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนทุกคนควรรู้ 1. อัตราการชนะ (Win Rate) คือสัดส่วนของจำนวนการเทรดที่ประสบความสำเร็จเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนการเทรดทั้งหมดที่ดำเนินการ โดยเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยในการประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์การลงทุนหรือการเทรด อัตราการชนะบ่งบอกถึงความสามารถในการทำกำไรจากการเทรด และเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณทราบว่าแนวทางการเทรดของคุณมีประสิทธิภาพเพียงใด วิธีการคำนวณ: ตัวอย่าง:…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบตารางการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายประจำเดือนพฤศจิกายนด้านล่างนี้ โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2024(วันพุธ) 28 พฤศจิกายน 2024(วันพฤหัส) 29 พฤศจิกายน 2024(วันศุกร์) 30 พฤศจิกายน…