วิธีอ่าน Forex trading charts ฉบับนักเทรดมือใหม่
การเรียนรู้วิธีอ่านกราฟฟอเร็กซ์เป็นหนึ่งในขั้นตอนแรก ๆ ที่เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจก่อนเข้าสู่การซื้อขาย กราฟ Forex มีด้วยกันหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทกราฟมีลักษณะและวิธีการในการแสดงข้อมูลที่แตกต่างกัน แต่วัตถุประสงค์หลักของการใช้งานมักเหมือนกันคือการให้ข้อมูลที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และตัดสินใจการเทรดในตลาด Forex โดยอาจมีการเลือกใช้ประเภทของกราฟที่เหมาะสมกับสไตล์และวิธีการวิเคราะห์ของแต่ละผู้เทรด
สำหรับบทความนี้ STARTRADER จะมาพูดถึงวิธีการอ่านกราฟขั้นพื้นฐานที่เทรดเดอร์ทุกคนควรจะรู้ หากเทรดเดอร์มีความเข้าใจแล้ว กราฟจะช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจการซื้อขายฟอเร็กซ์ออนไลน์ รวมถึงวิธีการทำงานของตลาด กราฟจะเป็นส่วนสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคซึ่งช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา ระบุจุดเข้าและออกในการซื้อขาย และช่วยในตัดสินใจว่าจะวางคำสั่งหยุดขาดทุนและทำกำไรที่ใด
กราฟ Forex คืออะไร?
กราฟ Forex เป็นการแสดงข้อมูลราคาของสกุลเงินต่าง ๆ ในตลาดการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา (Forex Market) ในรูปแบบของ chart ซึ่งรวมถึงข้อมูลเชิงกราฟิกและตัวเลข เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มราคาและตัดสินใจการซื้อ-ขายสกุลเงินต่าง ๆ ในตลาด Forex
กราฟ Forex สามารถแสดงข้อมูลราคาต่าง ๆ ของสกุลเงิน เช่น ราคาเปิด (Open Price), ราคาสูงสุด (High Price), ราคาต่ำสุด (Low Price), ราคาปิด (Close Price) และข้อมูลเพิ่มเติมอื่น ๆ เช่น ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในช่วงเวลาที่กำหนด
มีหลายรูปแบบของกราฟ Forex ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น Line Chart (กราฟเส้น), Bar Chart (กราฟแท่ง), Candlestick Chart (กราฟแท่งเทียน) ซึ่งแต่ละรูปแบบมีวิธีการแสดงข้อมูลและการใช้งานที่แตกต่างกันไป แต่เป้าหมายหลักของทุกๆ รูปแบบก็คือการช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาและการตัดสินใจการเทรดในตลาด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
กราฟ Forex แสดงอะไร?
กราฟแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงินในช่วงเวลาหนึ่ง เทรดเดอร์ที่ซื้อและขายสกุลเงินผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์จะดูกราฟเดียวกันและหาข้อสรุปจากกราฟเหล่านั้น แต่ละกราฟแสดงอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงิน ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินที่พบบ่อยที่สุดบางคู่คือ EUR/USD และ JPY/USD
กราฟ EUR/USD จะแสดงจำนวนดอลลาร์ที่คุณสามารถซื้อได้ด้วยหนึ่งยูโร สกุลเงินแรกเรียกว่าสกุลเงิน “base” และสกุลเงินที่สองเรียกว่าสกุลเงิน “quote” และเส้นเลื้อยบนแผนภูมิจะบอกคุณว่า 1 ยูโรมีค่าใช้จ่ายเป็น USD ในช่วงเวลาที่เลือก
เมื่อเส้นสูงขึ้น นั่นหมายความว่ายูโรจะมีราคาซื้อ USD มากขึ้น และเมื่อราคาลดลง นั่นหมายความว่า EUR ถูกกว่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ กราฟจะบอกคุณเมื่อถึงเวลาซื้อและเมื่อถึงเวลาขาย
กราฟประเภทใดที่เทรดเดอร์ต้องการขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขายของคุณ เทรดเดอร์บางคนชอบเดิมพันจากความผันผวนของราคารายวัน ในขณะที่คนอื่นๆ อาจจะลงทุนระยะยาว โดยทั่วไป การอ่านกราฟฟอเร็กซ์เป็นการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสองสกุลเงิน แผนภูมิเหล่านี้จะแสดงข้อมูล เช่น ราคาเปิด สูง ต่ำ และราคาปิดของคู่สกุลเงิน สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญเนื่องจากการรู้ว่าราคาเหล่านี้คืออะไร หมายความว่าคุณจะรู้ว่าเมื่อใดคุณสามารถซื้อต่ำและขายสูงได้
เปิด: ราคาเมื่อเริ่มต้นช่วงเวลา
สูง: ราคาสูงสุดที่ซื้อขายระหว่างช่วงเวลาหนึ่ง
ต่ำ: ราคาต่ำสุดที่ซื้อขายระหว่างช่วงเวลาหนึ่ง
ปิด: ราคาที่สิ้นสุดในช่วงเวลา
เมื่อคุ้นเคยกับกราฟเหล่านี้ เทรดเดอร์จะสามารถระบุรูปแบบในกราฟได้ เช่น ราคามีแนวโน้มขึ้นหรือลง หรือราคานิ่ง และจะช่วยให้เทรดเดอร์ค้นพบโอกาสและกำหนดกลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ในวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
วิธีอ่านกราฟ Forex
กรอบเวลาของกราฟ Forex ทำงานอย่างไร?
ระยะเวลาที่แสดงบนกราฟฟอเร็กซ์จะขึ้นอยู่กับกรอบเวลาที่เลือก กรอบเวลาในกราฟ Forex หมายถึงช่วงเวลาเทรดเดอร์ที่กำหนดไว้สำหรับแสดงข้อมูลราคาของสกุลเงินต่าง ๆ ภายในช่วงเวลานั้น การเลือกใช้กรอบเวลาที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากมีผลต่อวิเคราะห์และการตัดสินใจในการเทรด
แผนภูมิฟอเร็กซ์จำนวนมากถูกตั้งค่าเป็นช่วงเวลารายวันตามค่าเริ่มต้น โดยจะแสดงข้อมูลการซื้อขายในช่วง 24 ชั่วโมง กรอบเวลาที่สามารถใช้งานในกราฟมีตั้งแต่ นาทีจนถึงเดือน การเลือกใช้กรอบเวลานั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และสไตล์การเทรดของแต่ละบุคคล บางคนอาจต้องการเทรดในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อทำกำไรทันที ในขณะที่คนอื่นๆ อาจต้องการวิเคราะห์แนวโน้มราคาในระยะยาวขึ้น โดยทั่วไปแล้ว กรอบเวลาที่เป็นที่นิยมสำหรับผู้เริ่มต้นคือ 1 ชั่วโมง (1 Hour) และ 4 ชั่วโมง (4 Hours) เนื่องจากมีความเหมาะสมทั้งในการวิเคราะห์แนวโน้มราคาและในการทำกำไรในระยะเวลากลาง ๆ ในขณะที่ผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าอาจใช้กรอบเวลายาวยิ่งกว่าเช่น 1 วัน (Daily) หรือ 1 เดือน (Monthly) เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคาในระยะยาวและการคาดการณ์เหตุการณ์ที่มีผลต่อตลาดในอนาคต
แกนราคาและเวลา
ในกราฟ Forex หรือในกราฟการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ มี ‘เวลา’ ตามแกน x แนวนอนและมี ‘ราคา’ บนแกน y แนวตั้ง แกนราคาและเวลามีหน้าที่สำคัญในการแสดงข้อมูลราคาและเวลาของการเทรดสกุลเงิน ซึ่งหมายความว่าเราสามารถดูราคาในอดีตได้เมื่อเราย้ายไปทางด้านซ้ายของกราฟ วันที่และเวลาที่แสดงจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าเทรดเดอร์จะซูมเข้าหรือออกแผนภูมิอย่างไร ยิ่งซูมออกมากเท่าใดจะเห็นการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตมากขึ้นเท่านั้น
ลักษณะของแกนราคาและเวลาจะมีดังนี้
แกนราคา (Price Axis): แกนที่แสดงราคาของสกุลเงิน แกนราคาจะอยู่ในแนวดิ่ง (แกน Y) และจะมีเลขที่บ่งชี้ระดับราคาต่าง ๆ ที่ถูกแสดงบนกราฟ เช่น 1.1000, 1.1050, 1.1100 เป็นต้น
แกนเวลา (Time Axis): แกนที่แสดงช่วงเวลาหรือเวลาที่แตกต่างกันของการเทรด แกนเวลาจะอยู่ในแนวนอน และจะแสดงเวลาหรือช่วงเวลาที่กำหนดไว้ เช่น 09:00, 10:00, 11:00 เป็นต้น หรืออาจแสดงวันที่ เช่น 01/01/2023, 02/01/2023 เป็นต้น
การใช้แกนราคาและเวลาในกราฟ Forex ช่วยให้ผู้เทรดสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของราคาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนดได้อย่างชัดเจน และช่วยให้สามารถตัดสินใจการเทรดในตลาด Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามแนวโน้มและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด
Exchange Rate Pricing – Pips
Exchange Rate Pricing ในตลาด Forex มักถูกแสดงในรูปแบบของ pips (คำย่อของ “percentage in point” หรือ “price interest point”) ซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาของสกุลเงิน โดยส่วนใหญ่จะถูกแสดงในทศนิยมสี่ตำแหน่งหลังจุดทศนิยมหลัก เช่น 0.0001 สำหรับการจับคู่สกุลเงินเยนของญี่ปุ่น (JPY) จะมีการวัดเป็นทศนิยมสองตำแหน่ง
Pips มักถูกใช้ในการกำหนดความเปลี่ยนแปลงของราคา โดยส่วนใหญ่จะถูกใช้เมื่อกำหนดการเปิดหรือปิดการทำธุรกรรมในตลาด Forex แต่ในบางกรณีก็อาจถูกใช้ในการระบุ stop-loss นี่เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเทรดเดอร์สามารถกำหนดกำไรหรือขาดทุนทางการเงินได้ เมื่อเปิด trading ticket เพื่อทำการซื้อขาย เทรดเดอร์ต้องกรอกปริมาณหรือขนาดตำแหน่งการซื้อขาย โดยวัดเป็นหน่วยล็อต
ตัวอย่างการใช้ pips:
หากซื้อที่ 1.1105 และขายที่ 1.1034 จะสูญเสีย 71 pip หากหนึ่ง pip มีมูลค่า $10 แสดงว่าคุณสูญเสีย $710 (71 pip * $10)
หากขายที่ 1.1105 และซื้อคืนที่ 1.1034 จะได้รับ 71 pip ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถทำกำไรได้ $710
ตัวเลขจะแตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงินที่ซื้อขายและขนาดตำแหน่ง การวัดด้วย pips ช่วยให้นักลงทุนสามารถวัดความเสี่ยงและผลกำไรได้อย่างชัดเจน และใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจในการเข้าทำธุรกรรมในตลาด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
กราฟ Forex 3 แบบที่พบได้บ่อยมากที่สุด
Line Chart (กราฟเส้น) เป็นหนึ่งในรูปแบบของกราฟที่ใช้ในการแสดงข้อมูลราคาของสกุลเงินในตลาด Forex โดยมักจะใช้เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของราคาตลาดในระยะเวลาที่กำหนดไว้ เส้นที่วาดบนกราฟนี้จะเชื่อมโยงระหว่างราคาปิดของสกุลเงินในแต่ละช่วงเวลาที่กำหนด เนื่องจากใช้ราคาปิดเท่านั้น จึงไม่สามารถแสดงข้อมูลเพิ่มเติมเช่น ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด, หรือปริมาณการซื้อขายได้ ทำให้เหมาะสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มราคาอย่างง่าย ๆ และใช้เพื่อการประมาณการเท่านั้นในบางครั้ง
ในกราฟเส้น แกน X จะแสดงเวลาหรือช่วงเวลาที่กำหนดไว้ และแกน Y จะแสดงราคาของสกุลเงิน เส้นที่วาดจะเชื่อมโยงจุดที่แทนราคาปิดของสกุลเงินในแต่ละช่วงเวลา เมื่อเชื่อมโยงเส้นต่อกันไป จะสร้างเส้นกราฟเส้นที่แสดงแนวโน้มของราคาตลาดในช่วงเวลานั้น ๆ
การใช้ Line Chart เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาแนวโน้มของราคาในระยะเวลาที่ยาวนาน หรือผู้ที่ต้องการประมาณการการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต โดยทั่วไป Line Chart จะใช้ร่วมกับรูปแบบของกราฟอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความชัดเจนในการวิเคราะห์และตัดสินใจการเทรดในตลาด Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Bar Chart (กราฟแท่ง) เป็นหนึ่งในรูปแบบของกราฟที่ใช้ในการแสดงข้อมูลราคาของสกุลเงินในตลาด Forex โดยแต่ละแท่งจะแสดงข้อมูลสำคัญที่สามารถให้ข้อมูลต่าง ๆ ได้ภายใต้กรอบเวลาที่กำหนด เช่น ราคาเปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด, และราคาปิดของสกุลเงินในแต่ละช่วงเวลา
โดยทั่วไปแล้ว แต่ละแท่งใน Bar Chart จะมีข้อมูลดังนี้
ข้อมูลเปิด (Open): ราคาที่เกิดการเทรดครั้งแรกในช่วงเวลาที่กำหนด
ข้อมูลสูงสุด (High): ราคาสูงสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนด
ข้อมูลต่ำสุด (Low): ราคาต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนด
ข้อมูลปิด (Close): ราคาที่เกิดการเทรดครั้งสุดท้ายในช่วงเวลาที่กำหนด
แท่งจะถูกวาดขึ้นตามข้อมูลเหล่านี้ โดยแท่งจะมีแนวตั้งที่ยาวแสดงถึงช่วงราคาสูงสุดและต่ำสุด และมีเส้นนอนที่แสดงราคาเปิดที่ด้านซ้ายของแท่ง และราคาปิดที่ด้านขวาของแท่ง การใช้ Bar Chart ช่วยให้ผู้เทรดสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในแต่ละช่วงเวลาได้ง่ายขึ้น และสามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของตลาด Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Candlestick Chart (กราฟแท่งเทียน) เป็นหนึ่งในรูปแบบของกราฟที่ใช้ในการแสดงข้อมูลราคาของสกุลเงินในตลาด Forex โดยมักจะใช้เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของราคาและความเปลี่ยนแปลงในตลาด
แต่ละแท่งเทียนใน Candlestick Chart จะแสดงข้อมูลหลายๆ ประเภทที่มีความสำคัญเกี่ยวกับการซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด โดยมีส่วนสำคัญคือ
ส่วนต่ำสุด (Lower Wick): แท่งเทียนจะมีเส้นตั้งที่แสดงระดับราคาต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา
ร่างกลาง (Body): ส่วนกลางของแท่งเทียน แสดงระหว่างราคาเปิดและปิด มีสีที่แตกต่างกันระหว่างการเปิด
และปิดขึ้นอยู่กับแนวโน้มของราคา (เช่น สีเขียวสำหรับการเพิ่มราคา และสีแดงสำหรับการลดราคา)
ส่วนสูงสุด (Upper Wick): แท่งเทียนจะมีเส้นตั้งที่แสดงระดับราคาสูงสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะมีสีเขียวหรือสีขาว และถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะมีสีแดงหรือสีดำ และลักษณะของแท่งเทียนจะช่วยให้ผู้เทรดสามารถตีความแนวโน้มของตลาด Forex ได้อย่างชัดเจน Candlestick Chart ช่วยให้ผู้เทรดสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างชัดเจนและสามารถใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจการเทรดในตลาด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
การทำความเข้าใจกราฟ Forex เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่จะช่วยในการวิเคราะห์และตัดสินใจการเทรด เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและปฏิบัติฝึกหัดอย่างต่อเนื่องเพื่อเรียนรู้และประสบความสำเร็จในการซื้อขายในตลาด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
การซื้อขายอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะสําหรับทุกคน