วิธีหาจุด Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) จุดป้องกันความเสี่ยงตัวสำคัญของการเทรด
Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) คือการตั้งระดับคำสั่งซื้อขายไว้ เพื่อทำกำไร หรือปิดการซื้อขายอัตโนมัติ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุน
ในตลาดลงทุน มักจะเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของตลาดที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลา เทรดเดอร์หลายๆ ท่านจะมีการใช้เครื่องมือที่ควบคุมความเสี่ยงต่อการขาดทุน เพื่อรักษาผลตอบแทนที่คาดหวังไว้ การตั้งคำสั่ง Stop-loss และ take-profit ไว้เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์ไม่ว่าจะมือใหม่ หรือผู้มากประสบการณ์ไม่ควรพลาดที่จะศึกษา
Stop Loss และ Take Profit คืออะไร
Stop Loss (SL)
คือการระบุจุดขาดทุนที่ยอมรับได้ และอยากจะปิด Order ที่ทำการซื้อขายไว้ ณ ราคาที่พึงพอใจ จุด Stop Loss จะช่วยป้องกันเทรดเดอร์จากการสูญเสียจากการขาดทุน ไม่ให้เสียไปมากกว่าที่วางไว้ หรือป้องกันจากการโดนล้างพอร์ต
การทำงานของ Stop Loss คือจะปิดออเดอร์ให้ผู้เทรด หากราคาของสินทรัพย์ลดลงต่ำกว่า Stop-Loss ที่วางไว้ การระบุจุด Stop Loss เทรดเดอร์จะต้องวางแผนการเทรดมาอย่างดี จะช่วยให้เทรดเดอร์ทราบว่าจะเสียเงินเท่าไหร่ และยอมรับการเสียเงินให้ได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าเทรด นอกจากนี้ยังช่วยให้เทรดเดอร์พัฒนาความแม่นยำในการเข้าเทรดได้ดียิ่งขึ้นด้วย
2 หลักการของการหาจุด Stop Loss
Percentage Stop Loss
คือการกำหนดจุดขาดทุนตามเปอร์เซ็นต์ของเงินที่ลงทุน โดยการคำนวณจากเงินทุนและระดับความเสี่ยงของสินทรัพย์นั้นที่รับได้ เช่น ลงทุนไป 50,000 บาท เปอร์เซ็นที่สามารถยอมรับความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้คือ 10% นั้นหมายความว่าจุด Stop Loss จะเป็น 50,000 * (1 – 0.1) = 45,000 บาท นั้นหมายถึงหากมูลค่าสินทรัพย์ของคุณลดลงไปถึง 45,000 บาทเมื่อไหร่เทรดเดอร์จะขายออกเมื่อนั้น
Price Pattern Stop Loss
คือการกำหนดจุดจุดขาดทุนโดยอาศัยการจับแนวโน้มทิศทางของราคาจากกราฟ เทคนิคนี้เป็นการวิเคราะห์เชิงเทคนิคโดยสังเกตจากแนวรับและแนวต้านเพื่อกำหนดจุด SL / TP ที่เหมาะสมได้
Take-profit (TP)
คือ การกำหนดจุดทำกำไรที่เทรดเดอร์พึงพอใจไว้เป็นจุดปิดสถานะการซื้อขายล่วงหน้า เมื่อราคามาถึงจุดทำกำไรที่ตั้งไว้ ระบบจะทำการปิดออเดอร์โดยอัตโนมัติเพื่อทำการล็อกกำไร
การกำหนดจุดทำกำไร เทรดเดอร์จะต้องมีการวางแผนมาล่วงหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าออเดอร์ที่ลงทุนไปมีโอกาสขึ้นไปที่ราคาไหน จากนั้นจึงค่อยวางจุด Take Profit
หลักการของการหาจุด Take Profit
การวางคำสั่ง Take Profit มีหลักการระบุโดยการวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่นวิเคราะห์รูปแบบกราฟ แนวรับแนวต้าน หรือใช้เทคนิค Money Management
การวิเคราะห์หลักๆ สามารถแบ่งประเภทออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.การตั้งจุดทำกำไรในช่วงที่ราคาเป็นเทรนขาขึ้น อีกนัยหมายถึงการซื้อของถูกเพื่อไปขายแพงในอนาคต
2. การตั้งจุดทำกำไรในช่วงที่ราคาเป็นเทรนขาลง หมายถึงการขายออกในราคาแพง เพื่อไปซื้อคืนในราคาถูก
3.การวางจุดทำกำไรในช่วงที่ราคาวิ่งอยู่ในกรอบแบบ Side Way หมายถึงการซื้อถูกขายแพงในระยะเวลาสั้น ๆ
เทรดเดอร์สามารถกำหนดเป็น % สำหรับการทำกำไรได้ เทรดเดอร์ส่วนมากจะกำหนดอยู่ที่ 3-10% ต่อการเทรด 1 ครั้ง ถือเป็นเปอร์เซ็นที่จะเกิดการขาดทุนน้อยที่สุด อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ ในระหว่างการเทรด เทรดเดอร์เปลี่ยนใจที่จะวางจุด Take Profit ใหม่ แต่ไม่มีความมั่นใจในตลาด ก็ไม่ควรที่จะเปลี่ยนจุด Take Profit (TP) การเลื่อนจุดออกไปนั้นอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงิน ทางออกที่ดีที่สุดคือ ดูทิศทางตลาดให้แน่ใจและรอการเปิดออเดอร์ใหม่
ประโยชน์ของการตั้งค่าจุด Stop Loss และ Take Profit
เพื่อป้องกันการซื้อขายโดยใช้อารมณ์ ด่วนตัดสินใจ
การตั้งจุด stop-loss และ take-profit ไว้จะช่วยลดแนวโน้มการตัดสินใจด้วยอารมณ์ เวลาที่เทรดเดอร์พยายามออกนอกแผนการเทรด รีบเทรดเยอะๆ เพื่อทำกำไร
เครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่ดี
การใช้คำสั่ง stop-loss และ take-profit เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยกำหนดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน การตั้งจุดขาดทุนที่รับได้ไว้จะช่วยป้องกันไม่ให้เทรดเดอร์ขาดทุนไปกว่าเดิม
ประหยัดเวลา
แทนที่จะต้องนั่งเฝ้าหน้าจอเทรดอยู่ตลอดเวลา เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยเทรดเดอร์ทำการซื้อขายที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องติดตามกราฟตลอดทั้งวัน ด้วยการตั้งระดับ SL และ TP ไว้ล่วงหน้าจะทำการปิดการซื้อขายให้โดยอัตโนมัติ
สามารถทำกำไรได้อย่างแน่นอน หากมีการตั้งจุด TP (Take Profit) ที่ดี
ช่วยให้เทรดเดอร์วางแผนการเงินในการเทรดได้ดียิ่งขึ้น และทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สรุป
Stop Loss และ Take Profit ถึงจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการป้องกันความเสี่ยงของการเทรดได้ แต่ทั้งนี้ยังคงต้องอาศัยทักษะหรือความรู้การเทรดอื่นๆ เข้าร่วมด้วย การปล่อยให้เทรดแบบอัตโนมัติแทนตัวคุณเองไปเลย ก็ไม่ได้ส่งผลดีเสมอไป เทรดเดอร์ควรที่จะศึกษาพื้นฐานของคำสั่ง SL/TP ไปพร้อมๆ กับการเทรดด้วยถึงจะเห็นการเทรดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
*การซื้อขายและลงทุนใน Forex และ CFD มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้สูญเสียมากกว่าเงินทุนทั้งหมด