Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) คือการตั้งระดับคำสั่งซื้อขายไว้ เพื่อทำกำไร หรือปิดการซื้อขายอัตโนมัติ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุน
ในตลาดลงทุน มักจะเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของตลาดที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลา เทรดเดอร์หลายๆ ท่านจะมีการใช้เครื่องมือที่ควบคุมความเสี่ยงต่อการขาดทุน เพื่อรักษาผลตอบแทนที่คาดหวังไว้ การตั้งคำสั่ง Stop-loss และ take-profit ไว้เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์ไม่ว่าจะมือใหม่ หรือผู้มากประสบการณ์ไม่ควรพลาดที่จะศึกษา
คือการระบุจุดขาดทุนที่ยอมรับได้ และอยากจะปิด Order ที่ทำการซื้อขายไว้ ณ ราคาที่พึงพอใจ จุด Stop Loss จะช่วยป้องกันเทรดเดอร์จากการสูญเสียจากการขาดทุน ไม่ให้เสียไปมากกว่าที่วางไว้ หรือป้องกันจากการโดนล้างพอร์ต
การทำงานของ Stop Loss คือจะปิดออเดอร์ให้ผู้เทรด หากราคาของสินทรัพย์ลดลงต่ำกว่า Stop-Loss ที่วางไว้ การระบุจุด Stop Loss เทรดเดอร์จะต้องวางแผนการเทรดมาอย่างดี จะช่วยให้เทรดเดอร์ทราบว่าจะเสียเงินเท่าไหร่ และยอมรับการเสียเงินให้ได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าเทรด นอกจากนี้ยังช่วยให้เทรดเดอร์พัฒนาความแม่นยำในการเข้าเทรดได้ดียิ่งขึ้นด้วย
Percentage Stop Loss
คือการกำหนดจุดขาดทุนตามเปอร์เซ็นต์ของเงินที่ลงทุน โดยการคำนวณจากเงินทุนและระดับความเสี่ยงของสินทรัพย์นั้นที่รับได้ เช่น ลงทุนไป 50,000 บาท เปอร์เซ็นที่สามารถยอมรับความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้คือ 10% นั้นหมายความว่าจุด Stop Loss จะเป็น 50,000 * (1 – 0.1) = 45,000 บาท นั้นหมายถึงหากมูลค่าสินทรัพย์ของคุณลดลงไปถึง 45,000 บาทเมื่อไหร่เทรดเดอร์จะขายออกเมื่อนั้น
Price Pattern Stop Loss
คือการกำหนดจุดจุดขาดทุนโดยอาศัยการจับแนวโน้มทิศทางของราคาจากกราฟ เทคนิคนี้เป็นการวิเคราะห์เชิงเทคนิคโดยสังเกตจากแนวรับและแนวต้านเพื่อกำหนดจุด SL / TP ที่เหมาะสมได้
คือ การกำหนดจุดทำกำไรที่เทรดเดอร์พึงพอใจไว้เป็นจุดปิดสถานะการซื้อขายล่วงหน้า เมื่อราคามาถึงจุดทำกำไรที่ตั้งไว้ ระบบจะทำการปิดออเดอร์โดยอัตโนมัติเพื่อทำการล็อกกำไร
การกำหนดจุดทำกำไร เทรดเดอร์จะต้องมีการวางแผนมาล่วงหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าออเดอร์ที่ลงทุนไปมีโอกาสขึ้นไปที่ราคาไหน จากนั้นจึงค่อยวางจุด Take Profit
การวางคำสั่ง Take Profit มีหลักการระบุโดยการวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่นวิเคราะห์รูปแบบกราฟ แนวรับแนวต้าน หรือใช้เทคนิค Money Management
การวิเคราะห์หลักๆ สามารถแบ่งประเภทออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.การตั้งจุดทำกำไรในช่วงที่ราคาเป็นเทรนขาขึ้น อีกนัยหมายถึงการซื้อของถูกเพื่อไปขายแพงในอนาคต
2. การตั้งจุดทำกำไรในช่วงที่ราคาเป็นเทรนขาลง หมายถึงการขายออกในราคาแพง เพื่อไปซื้อคืนในราคาถูก
3.การวางจุดทำกำไรในช่วงที่ราคาวิ่งอยู่ในกรอบแบบ Side Way หมายถึงการซื้อถูกขายแพงในระยะเวลาสั้น ๆ
เทรดเดอร์สามารถกำหนดเป็น % สำหรับการทำกำไรได้ เทรดเดอร์ส่วนมากจะกำหนดอยู่ที่ 3-10% ต่อการเทรด 1 ครั้ง ถือเป็นเปอร์เซ็นที่จะเกิดการขาดทุนน้อยที่สุด อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ ในระหว่างการเทรด เทรดเดอร์เปลี่ยนใจที่จะวางจุด Take Profit ใหม่ แต่ไม่มีความมั่นใจในตลาด ก็ไม่ควรที่จะเปลี่ยนจุด Take Profit (TP) การเลื่อนจุดออกไปนั้นอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงิน ทางออกที่ดีที่สุดคือ ดูทิศทางตลาดให้แน่ใจและรอการเปิดออเดอร์ใหม่
เพื่อป้องกันการซื้อขายโดยใช้อารมณ์ ด่วนตัดสินใจ
การตั้งจุด stop-loss และ take-profit ไว้จะช่วยลดแนวโน้มการตัดสินใจด้วยอารมณ์ เวลาที่เทรดเดอร์พยายามออกนอกแผนการเทรด รีบเทรดเยอะๆ เพื่อทำกำไร
เครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่ดี
การใช้คำสั่ง stop-loss และ take-profit เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยกำหนดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน การตั้งจุดขาดทุนที่รับได้ไว้จะช่วยป้องกันไม่ให้เทรดเดอร์ขาดทุนไปกว่าเดิม
ประหยัดเวลา
แทนที่จะต้องนั่งเฝ้าหน้าจอเทรดอยู่ตลอดเวลา เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยเทรดเดอร์ทำการซื้อขายที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องติดตามกราฟตลอดทั้งวัน ด้วยการตั้งระดับ SL และ TP ไว้ล่วงหน้าจะทำการปิดการซื้อขายให้โดยอัตโนมัติ
สามารถทำกำไรได้อย่างแน่นอน หากมีการตั้งจุด TP (Take Profit) ที่ดี
ช่วยให้เทรดเดอร์วางแผนการเงินในการเทรดได้ดียิ่งขึ้น และทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Stop Loss และ Take Profit ถึงจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการป้องกันความเสี่ยงของการเทรดได้ แต่ทั้งนี้ยังคงต้องอาศัยทักษะหรือความรู้การเทรดอื่นๆ เข้าร่วมด้วย การปล่อยให้เทรดแบบอัตโนมัติแทนตัวคุณเองไปเลย ก็ไม่ได้ส่งผลดีเสมอไป เทรดเดอร์ควรที่จะศึกษาพื้นฐานของคำสั่ง SL/TP ไปพร้อมๆ กับการเทรดด้วยถึงจะเห็นการเทรดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
*การซื้อขายและลงทุนใน Forex และ CFD มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้สูญเสียมากกว่าเงินทุนทั้งหมด
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ตามวันหยุดประจำเดือนธันวาคม โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง: วันที่ 24 ธันวาคม 2024 (วันอังคาร) 25 ธันวาคม 2024 (วันพุธ) 26 ธันวาคม 2024…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ตามวันหยุดประจำเดือนธันวาคม โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง วันที่ 16 ธันวาคม 2024 (วันจันทร์) 23 ธันวาคม 2024 (วันจันทร์) วันหยุด วันแห่งการปรองดอง คริสต์มาสอีฟ…
Dear Valued Clients, The global gold market has experienced significant volatility recently, with market liquidity…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ ขอเรียนให้ทราบว่าผลิตภัณฑ์ซื้อขาย CFD ต่อไปนี้จะโรลโอเวอร์อัตโนมัติตามวันที่ระบุไว้ในตารางด้านล่างนี้ เนื่องจากอาจมีความแตกต่างของราคาระหว่างสัญญาเก่าและใหม่ จึงขอแนะนำให้ลูกค้าตรวจสอบและจัดการโพสิชันของคุณตามความเหมาะสม วันหมดอายุ: สัญลักษณ์ คำอธิบาย วันที่ JPN225ft Japan 225 Index Future…
ในการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ นักลงทุนควรใช้ตัวชี้วัดการเทรดที่มีประสิทธิภาพเพื่อประเมินผลการลงทุนของตนเอง ตัวชี้วัดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการตัดสินใจในการซื้อขาย แต่ยังช่วยให้คุณวัดประสิทธิภาพและปรับปรุงกลยุทธ์การลงทุนของคุณได้อย่างต่อเนื่อง นี่คือตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนทุกคนควรรู้ 1. อัตราการชนะ (Win Rate) คือสัดส่วนของจำนวนการเทรดที่ประสบความสำเร็จเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนการเทรดทั้งหมดที่ดำเนินการ โดยเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยในการประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์การลงทุนหรือการเทรด อัตราการชนะบ่งบอกถึงความสามารถในการทำกำไรจากการเทรด และเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณทราบว่าแนวทางการเทรดของคุณมีประสิทธิภาพเพียงใด วิธีการคำนวณ: ตัวอย่าง:…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบตารางการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายประจำเดือนพฤศจิกายนด้านล่างนี้ โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2024(วันพุธ) 28 พฤศจิกายน 2024(วันพฤหัส) 29 พฤศจิกายน 2024(วันศุกร์) 30 พฤศจิกายน…