ความผันผวนหมายถึงความผันผวนของราคาสินทรัพย์ วัดความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลาหนึ่ง
ตลาดที่มีความผันผวนสูงหรือ volatile market นั้นสามารถแสดงถึงตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์อย่างรวดเร็วและรุนแรง สาเหตุที่ทำให้ตลาดเป็น volatile อาจมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น
– ข่าวเศรษฐกิจและการเมือง: ข่าวสารที่มีผลต่อเศรษฐกิจหรือการเมืองสามารถสร้างความผันผวนในตลาดได้ เช่น การประกาศนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลหรือข่าวเกี่ยวกับการเซ็นทรัลบังคับคดี
– ปัจจัยทางเทคนิค: การแพร่กระจายข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์หรือการเทรดแบบอัลกอริทึมสามารถส่งผลให้ตลาดเปลี่ยนแปลงได้โดยรวดเร็ว อย่างเช่นการทำธุรกรรมโดยใช้เทคโนโลยี Blockchain
– แรงขับเคลื่อนในตลาด: ความผันผวนอาจเกิดจากแรงขับเคลื่อนในตลาด เช่น ภาวะเศรษฐกิจของประเทศหรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
– การซื้อขายในตลาด: กระแสซื้อขายที่แข็งแกร่งหรือผลกระทบจากการซื้อขายของนักลงทุนใหญ่ อาจสร้างความผันผวนในตลาด
นักลงทุน Forex มักจะใช้กลยุทธ์มากมายเพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุดจากตลาดที่ผันผวน เทคนิคพื้นฐานที่นิยมนำไปใช้กันบ่อยๆ ได้แก่
การซื้อขายระยะสั้น: เทรดเดอร์ใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาในระยะสั้นโดยการเข้าและออกจากการซื้อขายอย่างรวดเร็ว โดยการใช้เทคนิค Scalping หรือ Day trading เพื่อจับความเคลื่อนไหวของราคาและสะสมผลกำไรจากการซื้อขาย
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: เทรดเดอร์ใช้อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคและรูปแบบกราฟต่างๆ เพื่อระบุจุดเข้าและออก ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลราคาในอดีต แนวโน้ม แนวรับและแนวต้าน และใช้อินดิเคเตอร์ อย่าง moving averages, oscillators, หรือ Bollinger Bands เพื่อทำการตัดสินใจซื้อขายอย่างแม่นยำ
กลยุทธ์ตามความผันผวน: เทรดเดอร์สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตามสภาพความผันผวนของตลาด กลยุทธ์นี้จะระบุช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูงและดำเนินการซื้อขายตามราคาที่วางไว้
การจัดการความเสี่ยง: การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในตลาดที่ผันผวน เทรดเดอร์ใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การตั้งค่าคำสั่ง stop-loss ที่เหมาะสมเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น ใช้ขนาด Position ที่เหมาะสม และกระจายพอร์ตการลงทุนในคู่สกุลเงินต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม
ข่าวสารและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: เทรดเดอร์สามารถติดตามข่าวเศรษฐกิจ การประกาศของธนาคารกลาง เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสกุลเงิน และวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์เหล่านี้ ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการซื้อขาย
การป้องกันความเสี่ยง (Hedging): เทรดเดอร์ Forex อาจใช้กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่พึงประสงค์ Hedging คือการเปิดสถานะการซื้อขายใดเพื่อเป็นการชดเชยความเสี่ยง (Offset) จากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ต่างๆ ที่จะเกิดในช่วงที่มีความผันผวน
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์ควรทราบ คือการซื้อขายในตลาดที่ผันผวนนั้นมีความเสี่ยงสูงกว่า เทรดเดอร์ควรใช้ความระมัดระวัง มีแผนการซื้อขายที่ชัดเจน และเตรียมพร้อมสำหรับการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ
คือการที่เทรดเดอร์ซื้อ(หรือขาย) call option และ put option อย่างละ 1 สัญญา ที่มีราคาใช้สิทธิ (strike price) และวันครบกำหนดอายุ (expiration date) ที่เป็นอันเดียวกัน กลยุทธ์นี้ช่วยให้เทรดเดอร์ได้กำไรจากทิศทางการเปลี่ยนแปลงของราคา
ตัวอย่างเช่น
สมมติว่าเทรดเดอร์ซื้อ call option และ put option บนหุ้นด้วยราคาใช้สิทธิที่ $40 และเวลาครบกำหนดในสามเดือน สมมติว่าราคาหุ้นปัจจุบันของหุ้นอ้างอิงอยู่ที่ 40 ดอลลาร์เช่นกัน ดังนั้น option ทั้งสองจึงซื้อขายที่เงินเท่ากัน ลองนึกภาพว่า Annual risk-free rate ต่อปีคือ 2% และ Annual standard deviation ของการเปลี่ยนแปลงราคาอ้างอิงคือ 20% จากตัวอย่างโมเดลของ Black-Scholes เราสามารถประเมินได้ว่าราคา call option คือ $1.69 และ put option คือ $1.49
ต้นทุนของกลยุทธ์นี้ ประกอบด้วยผลรวมของราคา call และ put ที่ $3.18 กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Long position ทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา ไม่ว่าราคาอ้างอิงจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ตาม
สรุปกลยุทธ์ทำเงินจากความผันผวนภายใต้ทั้งราคาที่เพิ่มขึ้นและลดลงได้ ดังนี้
สถานการณ์ที่ 1
ราคาอ้างอิงเมื่อครบกำหนด สูงกว่า $40 ในกรณีนี้ put option จะหมดอายุโดยไม่มีค่าและเทรดเดอร์ใช้ call option เพื่อทำกำไร
สถานการณ์ที่ 2
ราคาอ้างอิงเมื่อครบกำหนดต่ำกว่า $40 ในกรณีนี้ call option จะหมดอายุโดยไม่มีค่าและเทรดเดอร์ใช้ put option เพื่อทำกำไร
การทำกำไรจากกลยุทธ์นี้ Trader ต้องใช้ความผันผวนที่สูงพอ เพื่อจะปิดต้นทุน ซึ่งเป็นผลรวมของเบี้ยประกันภัยที่จ่ายสำหรับ call option และ put option เทรดเดอร์ต้องใช้ความผันผวนที่มาก เพื่อให้ได้ราคาที่มากกว่า $43.18 หรือน้อยกว่า $36.82 เช่น ราคาเพิ่มขึ้นเป็น $45 ในกรณีนี้ Put option จะหมดอายุโดยไม่มีค่าและ Call จะจ่ายอยู่ที่ 45-40=5 ลบต้นทุนของ position เราจะได้กำไรสุทธิ 1.82
Long straddle position คือ การซื้อ (Long) put option ในราคาใช้สิทธิที่ต่ำ และซื้อ (Long) call option ในราคาใช้สิทธิที่สูง ต้นทุนของ position สามารถลดลงได้โดยการสร้าง option positions ที่คล้ายกับ straddle แต่คราวนี้ใช้วิธี out-of-the-money options หรือที่เรียก Position นี้ว่า “strangle” ที่รวมถึง out-of-the-money call และ out-of-the-money put เนื่องจาก options เป็น out-of-the-money กลยุทธ์นี้จึงมีราคาต่ำกว่าการ straddle
Out-of-The-Money Call Options คือ Options ที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) สูงกว่าดัชนีปัจจุบัน ด้วย Strike Price ที่สูง ซื้อมาแล้วก็ยังต้องรอลุ้นโอกาสใช้สิทธิในอนาคตว่าราคาจะปรับตัวขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากเป็นกรณี Put Options ที่เป็น OTM จะมีราคาใช้สิทธิต่ำกว่าดัชนีปัจจุบัน
ตัวอย่าง
เทรดเดอร์คนที่สองซื้อ call option ด้วยราคาใช้สิทธิ์ที่ $42 และ Put Options ที่ราคาใช้สิทธิ์ $38 ด้วยทุกที่เหมือนเดิม ราคาของ call option เท่ากับ 0.82 ดอลลาร์ และราคาของ put option เป็น 0.75 ดอลลาร์ ดังนั้น cost of the position อยู่ที่ 1.57 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 49%
แม้ว่ากลยุทธ์นี้ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากเมื่อเทียบกับ straddle แต่ก็ต้องการความผันผวนที่สูงกว่าในการสร้างรายได้ สามารถดูได้จากความยาวของลูกศรสีดำในกราฟด้านบน การทำกำไรด้วยกลยุทธ์นี้ ความผันผวนจะต้องสูงพอที่จะทำให้ราคาสูงกว่า $43.57 หรือต่ำกว่า $36.43
โดยสรุปแล้ว Straddle position เกี่ยวข้องกับ at-the-money call และ put options ส่วน Strangle position เกี่ยวข้องกับ out-of-the-money call และ put options สิ่งเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อรับประโยชน์จากความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้น
การกำหนด Position size ที่ถูกต้อง เทรดเดอร์ต้องสามารถคาดเดาความผันผวนของสกุลเงินที่จะลงทุนได้ มีตัวบ่งชี้มากมายที่สามารถใช้วัดความผันผวนนี้
– อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค Average true range (ATR)
– เครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิค Donchian channels
– Moving averages (โดยการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่กับราคาปัจจุบัน)
เทรดเดอร์สามารถดูค่าความผันผวนแฝงบนราคาปัจุบัน ที่จะสะท้อนถึงระดับความผันผวนที่คาดไว้จาก สัญญาสิทธิ (Options)
ความผันผวนของสกุลเงินคำนวณโดย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) หรือการผัวผวนของการเคลื่อนไหวราคาสกุลเงินในช่วงเวลานั้นๆ ความผันผวนที่สูงขึ้นหมายถึงการแกว่งของราคาที่มีนัยสำคัญมากขึ้นเหมาะสำหรับการเทรด อย่างไรก็ตามเทรดเดอร์ก็ควรระมัดระวังอย่ามั่นใจมากเกินไป ควรดูช่วงเฉลี่ยที่แท้จริงและสเปรดที่เป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาสปอต (spot price) คู่สกุลเงินที่มีความผันผวนสูงมักจะมีความเสี่ยงด้านตลาดในระดับที่สูงขึ้น
– ปัจจัยเศรษฐกิจ: ข่าวเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อประเทศหรือภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง อาจส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเช่น การประกาศความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ การประชุมคณะกรรมการสุดยอด หรือการเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
– ความแปรปรวนในตลาดทางการเงิน: การประกาศนโยบายสังคม การเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ย หรือการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายเงินตราสามารถส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน
– สภาวะการค้าระหว่างประเทศ: ข่าวเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน เช่น นโยบายการค้าของประเทศ การติดต่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศ หรือการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะการค้าระหว่างประเทศ
– ความผันผวนในตลาดทางการเงิน: กระแสซื้อขายที่แข็งแกร่งหรือผลกระทบจากการซื้อขายของนักลงทุนใหญ่ อาจสร้างความผันผวนในตลาด Forex
– โอกาสทางการค้า: ความผันผวนในตลาด Forex สร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ลงทุน โดยสามารถซื้อขายสกุลเงินในระหว่างการเคลื่อนไหวราคา และทำกำไรจากความแตกต่างของอัตราแลกเปลี่ยน
– เครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง: การวางแผนและการจัดการความผันผวนในตลาด Forex เป็นการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญในการลงทุน ผู้ลงทุนสามารถใช้เครื่องมือเช่น การตั้งระดับการขายและการซื้อ (Stop Loss และ Take Profit) เพื่อควบคุมความเสี่ยงในการเทรด
– การวิเคราะห์ตลาด: ความผันผวนในตลาด Forex ช่วยสร้างข้อมูลให้กับผู้วิเคราะห์ตลาด เขาสามารถใช้ความผันผวนเพื่อประเมินแนวโน้มของราคา และทำการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจการลงทุน
– ความคุ้นเคยและความรู้สึกสบายในการลงทุน: ผู้ลงทุนที่มีความคุ้นเคยกับความผันผวนในตลาด Forex สามารถใช้ความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินการซื้อขายได้อย่างมั่นใจและมีความรู้สึกสบายใจกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
คู่เงินที่มีความผันผวนมากทั่วไป: คู่เงินที่มีประเทศต่าง ๆ ที่มีเศรษฐกิจขาดแคลนหรือเป็นประเทศที่เปิดกว้างต่อการค้า ตัวอย่างเช่น GBP/JPY (British Pound/Japanese Yen) หรือ AUD/JPY (Australian Dollar/Japanese Yen) เป็นคู่เงินที่มีความผันผวนสูง
คู่เงินที่ผันผวนตามเศรษฐกิจและข่าวสาร: คู่เงินที่มีประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่และมีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการเมืองที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น EUR/USD (Euro/US Dollar) หรือ USD/CAD (US Dollar/Canadian Dollar)
คู่เงินที่ผันผวนตามสภาวะการค้าระหว่างประเทศ: คู่เงินที่มีประเทศที่มีกำลังการค้าระหว่างประเทศที่สูง หรือมีเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศ ตัวอย่างเช่น USD/CNH (US Dollar/Chinese Yuan) หรือ GBP/EUR (British Pound/Euro)
AUD/JPY (Australian Dollar/Japanese Yen)
NZD/JPY (New Zealand Dollar/Japanese Yen)
AUD/USD (Australian Dollar/US Dollar)
CAD/JPY (Canadian Dollar/Japanese Yen)
AUD/GBP (Australian Dollar/Pound Sterling)
*การซื้อขายและลงทุนใน Forex และ CFD มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้สูญเสียมากกว่าเงินทุนทั้งหมด
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ตามวันหยุดประจำเดือนธันวาคม โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง: วันที่ 24 ธันวาคม 2024 (วันอังคาร) 25 ธันวาคม 2024 (วันพุธ) 26 ธันวาคม 2024…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ตามวันหยุดประจำเดือนธันวาคม โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง วันที่ 16 ธันวาคม 2024 (วันจันทร์) 23 ธันวาคม 2024 (วันจันทร์) วันหยุด วันแห่งการปรองดอง คริสต์มาสอีฟ…
Dear Valued Clients, The global gold market has experienced significant volatility recently, with market liquidity…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ ขอเรียนให้ทราบว่าผลิตภัณฑ์ซื้อขาย CFD ต่อไปนี้จะโรลโอเวอร์อัตโนมัติตามวันที่ระบุไว้ในตารางด้านล่างนี้ เนื่องจากอาจมีความแตกต่างของราคาระหว่างสัญญาเก่าและใหม่ จึงขอแนะนำให้ลูกค้าตรวจสอบและจัดการโพสิชันของคุณตามความเหมาะสม วันหมดอายุ: สัญลักษณ์ คำอธิบาย วันที่ JPN225ft Japan 225 Index Future…
ในการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ นักลงทุนควรใช้ตัวชี้วัดการเทรดที่มีประสิทธิภาพเพื่อประเมินผลการลงทุนของตนเอง ตัวชี้วัดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการตัดสินใจในการซื้อขาย แต่ยังช่วยให้คุณวัดประสิทธิภาพและปรับปรุงกลยุทธ์การลงทุนของคุณได้อย่างต่อเนื่อง นี่คือตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนทุกคนควรรู้ 1. อัตราการชนะ (Win Rate) คือสัดส่วนของจำนวนการเทรดที่ประสบความสำเร็จเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนการเทรดทั้งหมดที่ดำเนินการ โดยเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยในการประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์การลงทุนหรือการเทรด อัตราการชนะบ่งบอกถึงความสามารถในการทำกำไรจากการเทรด และเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณทราบว่าแนวทางการเทรดของคุณมีประสิทธิภาพเพียงใด วิธีการคำนวณ: ตัวอย่าง:…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบตารางการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายประจำเดือนพฤศจิกายนด้านล่างนี้ โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2024(วันพุธ) 28 พฤศจิกายน 2024(วันพฤหัส) 29 พฤศจิกายน 2024(วันศุกร์) 30 พฤศจิกายน…