Knowledge Basics

เคล็ดลับการพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่ใช้งานได้จริงในทุกสภาวะตลาด

กลยุทธ์การเทรดคืออะไร?

กลยุทธ์การเทรด (Trading Strategy) คือวิธีการที่มีแบบแผนและเป็นระบบสำหรับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยอิงตามกฎเกณฑ์และเกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อช่วยให้การตัดสินใจซื้อขายมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามแผนที่วางไว้

กลยุทธ์การเทรดสามารถเป็นได้ทั้งแบบง่ายและซับซ้อน โดยอาจพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น

  • สไตล์การลงทุน
  • ขนาดของบริษัท (Market Cap)
  • การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค
  • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
  • อุตสาหกรรม
  • การกระจายพอร์ตการลงทุน
  • ระยะเวลาถือครอง
  • การยอมรับความเสี่ยง
  • การใช้เลเวอเรจ
  • ภาษี และอื่นๆ

หัวใจสำคัญคือ การตั้งกลยุทธ์การเทรดโดยใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ชัดเจน พร้อมยึดมั่นปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ กลยุทธ์ควรได้รับการประเมินและปรับเปลี่ยนตามสภาพตลาดหรือเป้าหมายของผู้ลงทุนเป็นระยะ

ความเข้าใจเกี่ยวกับ Trading Strategy

กลยุทธ์การเทรดคือแผนการลงทุนและการเทรดที่มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งระบุเป้าหมายการลงทุน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ระยะเวลาการลงทุน และผลกระทบทางภาษี การพัฒนากลยุทธ์ต้องอาศัยการวิจัยแนวคิดและวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อนำมาใช้ และต้องยึดมั่นปฏิบัติตาม กลยุทธ์การเทรดรวมถึงการพัฒนาวิธีการในการซื้อหรือขายหุ้น พันธบัตร กองทุน ETF หรือการลงทุนอื่นๆ ซึ่งอาจรวมถึงการเทรดที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ออปชั่น หรือฟิวเจอร์ส

การวางคำสั่งซื้อขายหมายถึงการทำงานร่วมกับโบรกเกอร์หรือผู้ค้าหลักทรัพย์ และการระบุและจัดการต้นทุนการเทรด เช่น สเปรด ค่าคอมมิชชั่น และค่าธรรมเนียม เมื่อคำสั่งซื้อขายได้รับการดำเนินการแล้ว ตำแหน่งการเทรดจะได้รับการติดตามและจัดการ รวมถึงการปรับหรือปิดตำแหน่งตามความจำเป็น โดยจะมีการวัดความเสี่ยงและผลตอบแทน รวมถึงผลกระทบที่มีต่อพอร์ตการลงทุนและผลกระทบทางภาษีด้วย

การพัฒนากลยุทธ์การเทรด

การพัฒนากลยุทธ์การเทรดเป็นกระบวนการสำคัญสำหรับนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในตลาดการเงิน ต่อไปนี้คือขั้นตอนและแนวทางสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์การเทรด

1. การตั้งเป้าหมายการลงทุน (Define Investment Goals)

  • เป้าหมายการลงทุน: เช่น การสร้างรายได้ระยะสั้น การเติบโตของพอร์ตในระยะยาว หรือการป้องกันความเสี่ยง
  • ความเสี่ยงที่ยอมรับได้: ระบุระดับความเสี่ยงที่คุณสามารถรับมือได้ เช่น เสี่ยงต่ำ เสี่ยงปานกลาง หรือเสี่ยงสูง
  • ระยะเวลาการลงทุน: กำหนดช่วงเวลาที่จะถือครองสินทรัพย์ เช่น การเทรดรายวัน ระยะกลาง หรือระยะยาว
  • เลือกตลาดและเครื่องมือการลงทุน ตัดสินใจว่าจะเทรดในตลาดใด เช่น Forex, หุ้น, Crypto หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เลือกเครื่องมือที่เหมาะสม เช่น การใช้ Leverage, การเทรด Spot หรือการเทรด Futures

2. การเลือกประเภทของกลยุทธ์ (Choose a Trading Strategy) มีกลยุทธ์การเทรดหลัก 3 ประเภทที่สามารถเลือกใช้ได้

กลยุทธ์การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Trading Strategy):

  • ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น RSI, MACD, เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
  • มุ่งเน้นการวิเคราะห์แนวโน้มราคาและจังหวะการเข้าออก

กลยุทธ์การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Trading Strategy):

  • ศึกษาปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เช่น รายได้ กำไรสุทธิ หนี้สิน
  • เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว

กลยุทธ์เชิงปริมาณ (Quantitative Trading Strategy):

  • ใช้ข้อมูลเชิงสถิติและการคำนวณ เช่น การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลหรือโมเดลการคาดการณ์ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี

3. การวางแผนการจัดการความเสี่ยง (Risk Management Planning)

  • กำหนดกฎการเข้าและออกจากตลาด ระบุเงื่อนไขชัดเจนสำหรับการเปิดตำแหน่ง (Entry) เช่น เมื่อราคาแตะเส้น Moving Average 50 กำหนดจุดขาย (Exit) เช่น การตั้ง Take Profit หรือ Stop Loss เพื่อควบคุมความเสี่ยง
  • กำหนดขนาดของการเทรด (Position Sizing): ใช้หลักการ เช่น การเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
  • ตั้งค่าหยุดขาดทุน (Stop Loss): ระบุจุดขาดทุนที่คุณยอมรับได้
  • การทำกำไร (Take Profit): ตั้งเป้าหมายกำไรที่ต้องการ

4. การคำนึงถึงต้นทุนและความสะดวก (Cost and Convenience)

  • วิเคราะห์ค่าคอมมิชชันหรือค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการเทรด
  • ใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสม เช่น โบรกเกอร์ที่มีต้นทุนต่ำและอินเทอร์เฟซใช้งานง่าย

5. การทดลองและปรับปรุง (Backtesting and Refinement)

  • ฝึกฝนในบัญชีทดลอง (Demo Account) ทดลองใช้งานกลยุทธ์ในสภาพแวดล้อมจำลองเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงก่อนนำไปใช้จริง
  • ทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลัง (Backtesting): ใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อวิเคราะห์ความแม่นยำ
  • ปรับปรุงกลยุทธ์: เปลี่ยนแปลงหรือปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด

6. การติดตามผลลัพธ์ (Monitor and Evaluate)

  • เก็บบันทึกการเทรด (Trading Journal) เพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาดและจุดที่ต้องปรับปรุง อัปเดตกฎการเทรดตามสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลง
  • ติดตามผลลัพธ์การเทรดเพื่อวัดผลตอบแทนและประสิทธิภาพ
  • ประเมินความเหมาะสมของกลยุทธ์เมื่อเป้าหมายหรือสภาวะตลาดเปลี่ยนแปลง
  • ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและเทรนด์การเทรดใหม่ ๆ เข้าร่วมสัมมนา หรือติดตามผู้เชี่ยวชาญในสายการลงทุน

สรุป

กลยุทธ์การเทรด ถูกใช้เพื่อหลีกเลี่ยงอคติทางพฤติกรรมทางการเงินและเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ เช่น นักเทรดที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดว่าจะออกจากการเทรดเมื่อใด จะมีโอกาสน้อยที่จะตกอยู่ใน Disposition Effect ซึ่งทำให้นักลงทุนถือหุ้นที่สูญเสียมูลค่าไว้และขายหุ้นที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น กลยุทธ์การเทรดสามารถทดสอบความทนทานในสภาวะตลาดที่แตกต่างกันเพื่อตรวจสอบความสม่ำเสมอ

อย่างไรก็ตาม การพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่มีกำไรนั้นยาก และยังมีความเสี่ยงที่จะพึ่งพากลยุทธ์มากเกินไป เช่น นักเทรดอาจปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับข้อมูลที่ใช้ในการทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) ซึ่งอาจทำให้เกิดความมั่นใจที่ผิดพลาด กลยุทธ์อาจจะทำงานได้ดีในทางทฤษฎีโดยอ้างอิงจากข้อมูลในอดีต แต่ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถรับประกันความสำเร็จในอนาคตในสภาวะตลาดจริงที่อาจแตกต่างจากช่วงการทดสอบ

การซื้อขายอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะสําหรับทุกคน

thailand

Recent Posts

ประกาศสำคัญ: ประกาศลดขนาดการแสดงข้อมูลย้อนหลังในบัญชี Cent บนเซิร์ฟเวอร์ Live 1, Live 2 และ Live 4

เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ เพื่อให้ลูกค้าได้ยกระดับประสบการณ์เทรดให้ดียิ่งขึ้น เราจะมีการกระชับการแสดงข้อมูลย้อนหลังในบัญชี Cent ทั้งหมดบนเซิร์ฟเวอร์ MT4 Live 1 server (STARTRADERFinancial-Live), Live 2 server (STARTRADERFinancial-Live2) และ…

1 day ago

เจาะลึก Call vs Put Option: เครื่องมือลงทุนอัจฉริยะที่คุณควรรู้!

เคยซื้อประกันโทรศัพท์หรือสั่งจองเครื่องเล่นเกมล่วงหน้าบ้างไหม? เชื่อหรือไม่ แนวคิดเหล่านี้คล้ายกับการซื้อขายออปชันมาก มาดูกันชัดๆ การซื้อขายออปชันอาจดูซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วก็เป็นเพียงอีกวิธีหนึ่งในการเดิมพันการเคลื่อนไหวของตลาด จินตนาการถึงเครื่องมือที่ช่วยให้คุณทำกำไรได้ไม่ว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง นั่นคือสิ่งที่ออปชันสามารถทำได้ — ถึงแม้ว่าประมาณ 30 ถึง 35% ของออปชันจะหมดอายุโดยไม่มีมูลค่า…

2 days ago

ประกาศสำคัญ: เปิดตัวคู่เงินฟอเร็กซ์ใหม่

เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ เรามีความยินดีที่จะประกาศว่า STARTRADER จะเปิดตัวคู่เงินฟอเร็กซ์ใหม่ในวันที่ 21 เมษายน 2025  เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ลงทุนที่หลากหลายมากขึ้นในพอร์ต โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่: สัญลักษณ์คำอธิบายขนาดสัญญาล็อตขั้นต่ำล็อตสูงสุดเวลาซื้อขาย (GMT+3)USDILSUS dollar vs Israeli Shekel100000 0.01100จันทร์-พฤหัส: 00:01-23:58 ศุกร์: 00:01-23:57 *วันที่และเวลาที่ระบุคือ GMT+3 (เวลาของเซิร์ฟเวอร์ MT5)  ขอเรียนให้ทราบว่าข้อมูลด้านบนอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดอ้างอิงตาม MT4/MT5 เพื่ออัปเดตข้อมูลเสมอ …

2 days ago

New Rules for Pending and Stop Orders

Dear Valued Client, We are pleased to inform you that STARTRADER has updated the order…

3 days ago

ประกาศสำคัญ: ประกาศลดขนาดการแสดงข้อมูลย้อนหลังในบัญชี Cent บนเซิร์ฟเวอร์ Live 1 และ Live 4

เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ เพื่อให้ลูกค้าได้ยกระดับประสบการณ์เทรดให้ดียิ่งขึ้น เราจะมีการกระชับการแสดงข้อมูลย้อนหลังในบัญชี Cent ทั้งหมดบนเซิร์ฟเวอร์ MT4 Live 1 (STARTRADERFinancial-Live) และ Live 4 (STARTRADERFinancial-Live4) ในวันที่ 19…

1 week ago

ประกาศอัปเกรดพอร์ทัลลูกค้าและแพลตฟอร์ม MT

เรียนลูกค้า: เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์เทรดที่ดียิ่งขึ้น STARTRADER จะมีการอัปเกรดระบบพอร์ทัลลูกค้าและแพลตฟอร์ม MT ตามกำหนดการดังต่อไปนี้: พอร์ทัลลูกค้า การอัปเกรดจะเริ่มตั้งแต่เวลา 04:00 (GMT+3) ในวันที่ 19 เมษายน 2025 และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันเดียวกัน…

1 week ago